วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)_ประวัติธนาคาร

 
 
 


ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) เดิมเป็นสถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจในชื่อ บริษัทเงินทุน เอกชาติ จำกัด(มหาชน) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ เลขที่ 900 อาคารต้นสนทาวเวอร์ ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) ได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2545 ภายใต้ใบอนุญาตประกอบการธนาคารพาณิชย์แบบจำกัดขอบเขตธุรกิจ หลังจากนั้นได้รับใบอนุญาตประกอบการธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ จากกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2547 และได้เปิดให้บริการด้านการเงินทุกรูปแบบ โดยมีธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์เป็นธุรกิจหลัก

ความเป็นมาของธนาคารธนชาต

ธันวาคม 2541

กระทรวงการคลังได้ประกาศนโยบายในการสนับสนุนการรวมกิจการระหว่างสถาบันการ เงินต่างๆ โดยการออกใบอนุญาตประกอบการธนาคารพาณิชย์แบบจำกัดขอบเขตธุรกิจให้แทนใบ อนุญาตประกอบการ Super Finance ที่ประกาศใช้ก่อนหน้านี้ และหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตจะต้องเป็นสถาบันการ เงินที่เกิดจากการควบรวมกันอย่างน้อย 5 แห่ง และมีเงินกองทุนหลังจากหักสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท

กุมภาพันธ์ 2542

บริษัท ทุนธนชาต จำกัด(มหาชน) หรือชื่อเดิม บริษัทเงินทุน ธนชาติ จำกัด(มหาชน) ได้ยื่นขออนุมัติใบอนุญาตประกอบการธนาคารพาณิชย์แบบจำกัดขอบเขตธุรกิจ จากธนาคารแห่งประเทศไทยโดยมีบริษัทเงินทุน เอกชาติ จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทแกนในการจัดตั้งธนาคารใหม่ร่วมกับสถาบันการเงินอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย
  1. บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เอชเอสบีซี จำกัด
  2. บริษัทเครดิตฟองซิเอร์กรุงเทพเคหะ จำกัด ้
  3. บริษัทเครดิตฟองซิเอร์สินเคหะการ จำกัด
  4. บริษัทเครดิตฟองซิเอร์วานิช จำกัด
มิถุนายน 2544

ธนาคารแห่งประเทศไทย อนุมัติในหลักการ การจัดตั้งธนาคารที่จำกัดขอบเขตธุรกิจตามแผนงานที่บริษัท ทุนธนชาต จำกัด(มหาชน) เสนอ และเพื่อให้เป็นไปตามแผนงานดังกล่าว บริษัททุนธนชาต จำกัด(มหาชน) และสถาบันการเงินอีก 4 แห่งที่กล่าวข้างต้น ได้ทำการโอนลูกหนี้ปกติทั้งหมด จำนวน 16,857 ล้านบาท ไปยังบริษัทเงินทุน เอกชาติ จำกัด(มหาชน) และในขณะเดียวกัน สินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวน 4,464 ล้านบาทของบริษัทเงินทุน เอกชาติ จำกัด(มหาชน) ก็ได้ถูกโอนไปอยู่ภายใต้การบริหารของ บริษัทบริหารสินทรัพย์เอ็น เอฟ เอส จำกัด

3 มกราคม 2545

กระทรวงการคลังได้อนุมัติใบอนุญาตประกอบการธนาคารพาณิชย์แบบจำกัดขอบเขต ธุรกิจแก่ บริษัทเงินทุน เอกชาติ จำกัด(มหาชน) โดยทั้งนี้ บริษัทเงินทุน เอกชาติ ได้ทำการคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนให้แก่ทางการ แต่ยังคงสถานะเป็นบริษัทมหาชน และได้เปลี่ยนชื่อเป็น ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) โดยเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2545 เป็นต้นมา

1 มีนาคม 2547

ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) ได้รับใบอนุญาตประกอบการธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ และในปีเดียวกันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมกับกระทรวงการคลังได้ประกาศ แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อเสริมสร้างความมีประสิทธิภาพในระบบสถาบันการ เงิน โดยการปรับโครงสร้างและบทบาทของสถาบันการเงิน ซึ่ง บริษัททุนธนชาต จำกัด(มหาชน) และธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) ได้ปฏิบัติตามแผนการปรับโครงสร้างตามแนวนโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบ

22 เมษายน 2548

กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบแผนการปรับโครงสร้างการประกอบธุรกิจสถาบัน การเงินของกลุ่มธนชาตให้เป็นสถาบันการเงิน 1 รูปแบบ ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งตามแผนดังกล่าว ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) ได้เริ่มดำเนินธุรกรรมเช่าซื้อแทนที่บริษัท ทุนธนชาต จำกัด(มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2548 และบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้โอนเงินรับฝากประเภทตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้แก่บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล จำนวนรวมทั้งสิ้น 79,803 ล้านบาท ไปที่ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) ในวันที่ 1 กรกฎาคม และ 1 พฤศจิกายน 2548 ตามลำดับ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2548 บริษัท ทุนธนชาต จำกัด(มหาชน) ได้โอนเงินให้สินเชื่อในราคาตามมูลหนี้รวมดอกเบี้ยค้างรับจำนวน 535 ล้านบาท ให้กับธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) และในวันที่ 9 ธันวาคม 2548 ธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 8,102 ล้านบาท เป็น 14,584 ล้านบาท

ปี 2549

กลุ่มธนชาตได้ดำเนินการสืบเนื่องตามแผนปรับโครงสร้างการประกอบธุรกิจ ตามนโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบ ที่ได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (“ธปท.”) ในปี 2548 โดยบริษัทเงินทุน ธนชาติ จำกัด (มหาชน) ได้คืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุน และเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)” เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2549 และเพื่อสอดคล้องกับแนวทางการกำกับดูแลของ ธปท. ที่ได้ประกาศใช้หลักเกณฑ์การกำกับแบบรวมกลุ่มในปี 2549 ตลอดจนยกระดับการกำกับดูแลฯ ให้มีมาตรฐานที่ดีตามแนวปฏิบัติสากล โดยมีบริษัททุนธนชาตเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธนชาต จึงได้จัดตั้งและดำเนินการยื่นคำขออนุญาตจัดตั้งกลุ่มธุรกิจทางการเงินตาม หลักเกณฑ์การกำกับแบบรวมกลุ่ม ซึ่งได้รับอนุญาตแล้วเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดย ธปท. ให้บริษัททุนธนชาตซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการ เงิน จำนวน 13 บริษัท (ไม่รวมบริษัททุนธนชาต) และบริษัทนอกกลุ่มธุรกิจทางการเงินอนุญาตให้บริษัททุนธนชาต ถือต่ออีก 1 บริษัท

ปี 2550

ธนาคารได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินธนชาต รวมทั้งมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับ The Bank of Nova Scotia “BNS” สรุปได้ดังนี้

การเข้าซื้อหุ้นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนชาต
ที่ ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของธนาคาร เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2550 มีมติอนุมัติให้ธนาคารซื้อหุ้นในบริษัทย่อยจากบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) รวม 8 บริษัท ในจำนวนที่บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ถืออยู่ทั้งหมด โดยธนาคารได้รับอนุญาตจาก ธปท. เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2550 และธนาคารเข้าซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2550 มูลค่ารวม 4,158.24 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
  1. บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 100.00
  2. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 75.00
  3. บริษัท ธนชาตประกันชีวิต จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 100.00
  4. บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 88.00
  5. บริษัทธนชาตกรุ๊ปลีสซิ่ง จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 100.00
  6. บริษัท ธนชาตแมเนจเม้นท์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 100.00
  7. บริษัท ธนชาตกฎหมายและประเมินราคา ถือหุ้นร้อยละ 100.00
  8. บริษัท ธนชาตโบรกเกอร์ จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 99.99
การเข้าซื้อหุ้นของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โดย The Bank of Nova Scotia
  • ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของธนาคาร เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2550 มีมติอนุมัติเพิ่มทุนจำนวน 676,263,200 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท จำแนกเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายให้ BNS จำนวน 276,263,200 หุ้น ราคาหุ้นละ 16.37 บาท และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 400,000,000 หุ้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีมติเกี่ยวกับการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 400,000,000 หุ้น
  • ธนาคารได้รับอนุญาตจาก ธปท.ผ่อนผันให้ธนาคารมี BNS เป็นผู้ถือหุ้นในอัตราไม่เกินร้อยละ 24.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และให้มีผู้ถือหุ้นที่มิใช่สัญชาติไทยไม่เกินร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ และให้มีกรรมการที่มิใช่สัญชาติไทยเกินกว่า 1 ใน 4 แต่ไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด และไม่เกินสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นที่มิใช่สัญชาติไทย
  • วันที่ 19 กรกฎาคม 2550 ธนาคารเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ BNS จำนวน 276,263,200 หุ้น ในราคาหุ้นละ 16.37 บาท และ BNS ได้ซื้อหุ้นจากบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เพิ่มอีกจำนวน 157,130,216 หุ้น ในราคาหุ้นละ 16.37 บาท เป็นผลให้ BNS มีหุ้นรวมทั้งสิ้น 433,393,416 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 24.98 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของธนาคาร ธนาคารมีหุ้นจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 2,134,619,292 หุ้น โดยเป็นหุ้นจดทะเบียนที่ชำระแล้วเท่ากับ 1,734,619,292 หุ้น คิดเป็นทุดจดทะเบียนที่ชำระแล้วรวม 17,346,192,920 ล้านบาท
ปี 2552

3 กุมภาพันธ์ 2552 บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้จำหน่ายหุ้นสามัญของธนาคารธนชาตเพิ่มเติมให้แก่ สโกเทียแบงก์ จำนวน 416,526,737 หุ้น ในราคาหุ้นละ 18.38 บาท (1.6 เท่าของมูลค่าบัญชีต่อหุ้น คำนวณโดยหักจำนวนเงินและจำนวนหุ้นที่สโกเทียแบงก์ได้เพิ่มทุนไปก่อนหน้า โดยคำนวณตามงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ฉบับยังไม่ได้ตรวจสอบ) คิดเป็นร้อยละ 24.01 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของธนาคารธนชาต ทำให้ สโกเทียแบงก์ถือหุ้นธนาคารธนชาตในสัดส่วนร้อยละ 48.99ในขณะที่บริษัท ทุนธนชาต ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50.92

29 พฤษภาคม 2552 ธนาคารเพิ่มทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน จำนวนหุ้นที่ถืออยู่ จำนวน 200 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท ทำให้ธนาคารมีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 17,346,192,920 บาท เป็น 19,346,192,920 บาท และมีทุนชำระแล้วเท่ากับ 19,346,192,720 บาท

6 ตุลาคม 2552 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 3/2552 ของธนาคารมีมติให้ลดทุนจดทะเบียนจาก19,346,192,920 บาท เป็น 19,346,192,720 บาท เป็นการลดทุนจดทะเบียนจากหุ้นเพิ่มทุนที่ ผู้ถือหุ้นเดิมไม่ได้จองซื้อจำนวน 20 หุ้น และที่ประชุมได้มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนธนาคาร เป็นจำนวน 40,000 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 4,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ทำให้ทุนจดทะเบียนของธนาคารเพิ่มขึ้นจาก 19,346,192,720 บาท เป็น 59,346,192,720 บาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น